วิธีการเล่นแวนการ์ด
ผู้เล่นแข่งได้ 2 คนโดยเล่นเพียง 1 ต่อ 1 สร้างเด็คของคุณให้มีจำนวน 50 (รวมการ์ดผู้เริ่มต้น) ใบแล้วนำไปต่อสู้! ก่อนการต่อสู้ ให้เลือกการ์ดเกรด 0 จากกองการ์ดมา 1 ใบแล้ววางคว่ำลงบนแวนการ์ดเซอร์เคิลของเรา การ์ดใบนี้จะถูกเรียกว่า เฟิร์สแวนการ์ด (FV) หลังจากนั้นสับกองการ์ดของกันและกัน จั่วการ์ดขึ้นมา 5 ใบ หงายการ์ดที่คว่ำอยู่บนแวนการ์ดเซอร์เคิลพร้อมกับพูดว่า "สแตนด์ อัป แวนการ์ด" และการต่อสู้ก็จะเริ่มต้นขึ้น ยูนิทที่อยู่บนแวนการ์ดเซอร์เคิลจะถูกเรียกว่า แวนการ์ด (ผู้นำ) ดังนั้นแวนการ์ดจึงเป็นตัวละครหลักของเกมและถือว่าเป็นตัวแทนของผู้เล่น (ภาพที่ผู้เล่นจะจินตนาการว่าเป็นแวนการ์ด) ในการต่อสู้เราจะต้องโจมตีแวนการ์ดของกันและกัน และจะต้องไรด์แวนการ์ดเป็นระดับที่สูงขึ้นเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของฝ่ายเรา ซึ่งรวมถึงการคอลการ์ดเพื่อมาเป็นเรียร์การ์ด และการใช้ความสามารถต่าง ๆ ของการ์ด หากเราทำการโจมตีสำเร็จ การ์ดของคู่แข่งจะถูกนำไปวางบนดาเมจโซนของคู่แข่ง และการแพ้ชนะจะมาจากการที่ฝ่ายที่มีการ์ดบนดาเมจโซนครบ 6 ใบ ฝ่ายนั้นจะถือว่าเป็นฝ่ายแพ้ หรือถ้าหากว่าการ์ดในกองการ์ดของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหมดไปหรือมีจำนวน 0 ใบฝ่ายนั้นจะแพ้ทันที
กองการ์ด (Deck)
คือ จำนวนการ์ดทั้งหมดที่เราได้จัดเตรียมเอาไว้ สามารถปรับแต่งได้โดยอิสระ แต่ต้องทำตามกฎดังนี้
1.เด็คต้องมีการ์ด 50 ใบพอดี ห้ามขาด ห้ามเกิน
2.ต้องมีทริกเกอร์ 16 ใบพอดี ห้ามขาด ห้ามเกิน
3.ฮีลทริกเกอร์ และ พิทักษ์ ไม่สามารถใส่เกิน 4 ใบได้
4.ใส่การ์ดที่ชื่อเหมือนกันได้ไม่เกิน 4 ใบ
จำนวนการ์ดที่ควรใส่โดยเฉลี่ย เกรด 3 จำนวน 8 ใบ เกรด 2 จำนวน 11 ใบ เกรด 1 จำนวน 14 ใบ เกรด 0 จำนวน 17 ใบ (รวมทริกเกอร์และตัวเริ่ม)
วิธีการเอาชนะฝ่ายตรงข้าม
การที่เราจะชนะ Cardfighr Vanguard เราต้องสร้างความเสียหายให้แวนการ์ดอีกฝ่าย 6 ดาเมจ ดาเมจของแวนการ์ดจะแสดงโดยจำนวนการ์ดในดาเมจของผู้เล่น หากผู้เล่นมีการ์ดดาเมจโซน 6 ใบหรือมากกว่า ผู้เล่นคนนั้นแพ้ หากผู้เล่นมีการ์ดในเด็คเท่ากับ 0 ในเวลาใดเวลาหนึ่งขณะเกม ผู้เล่นคนนั้นแพ้ แต่ มีข้อยกเว้นสำหรับ Star-vader "Omega" Glendios ที่มีคสามสามารถในการเอาชนะนอกเหนือจากกฎเกม
ความสามารถของทริกเกอร์ มีอะไรบ้าง
1. ฟรอนท์ทริกเกอร์(Front Trigger)
เป็นความสามารถเพิ่มให้ยูนิทแถวหน้าทั้งหมด
2. ฮัลทริกเกอร์(Heal Tigger)
เป็นความสามารถลดดาเมจโซนผู้เล่นที่อยู่ในช่วงไดร์ฟเช็คหรือดาเมจเช็คเมื่อคุณมีดาเมจมากกว่าหรือเท่ากับคู่ต่อสู้และเลือกเพิ่มพลังให้ยูนิทหนึ่งใบได้ 5,000 หน่วย
3.ดรอว์ทริกเกอร์(Draw Tigger)
เป็นความสามารถในการหยิบการ์ดจากกองการ์ดบนสุดได้ 1 ใบ และเลือกเพิ่มพลังให้ยูนิทหนึ่งใบได้ 5,000 หน่วย
4.สแตนด์ทริกเกอร์(Stand Trigger)
เป็นความสามารถในการให้เรียร์การ์ดยูนิตที่เรสกลับมาสแตนด์บนสนาม และเลือกเพิ่มพลังให้ยูนิทหนึ่งใบได้ 5,000 หน่วย
5.คริติคอลทริกเกอร์(Critical Trigger)
เป็นความสามารถในการเพิ่มคริติคอลของยูนิตในสนามโดยจะเพิ่มเพียงแค่ 1 ยูนิตต่อคริติคอลทริกเกอร์ที่เปิดออกมา และ เลือกเพิ่มพลังให้ยูนิทหนึ่งใบได้ 5,000 หน่วย
โซน(Zone) คืออะไร?
โซน(Zone) เป็นส่วนเสริมของกระดานเพื่อให้การเล่นสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
1.เด็คโซน คือ โซนที่เราใช้เพื่อจัดวางกองการ์ด ทั่วไปจะอยู่ทางขวา แล้วแต่ความถนัดในการวาง
2.ดรอบโซน คือ โซนที่ใช้ทิ้งการ์ดที่ถูกใช้งานเรียบร้อยแล้วหรือโดยผลของสกิล
3.ดาเมจโซน คือ โซนที่คอยแสดงดาเมจที่แวนการ์ดได้รับ หากมีครบ 6 ดาเมจ จะแพ้ทันที
4.ไบน์โซน คือ โซนนอกสนามที่ใช้วางการ์ดที่เกิดจากผลของสกิล(ส่วนใหญ่)โดยทั่วไปจะอยู่ข้างเด็คโซน หรือ ดรอบโซน
5.จีโซน คือ โซนที่ใช้วาง จียูนิท หรือ จีการ์เดี้ยน ทั่วไปจะอยู่ทางซ้ายบนของสนาม
การ์ด Future Card Buddyfight
ผู้เล่นจะต้องจัดเตรียมเด็คการ์ดของตัวเองจำนวน 52 ใบ ที่จะต้องมีการ์ดประจำโลกของเรา (Flag Card) ด้วยเสมอ 1 ใบ ซึ่งมีผลต่อการเล่นการ์ดทั้งเกม และมีการ์ดอื่นๆ อีก 51 ใบ สามารถใส่ซ้ำได้ไม่เกิน 4 ใบ ต่อแบบ และตัวนับพลังชีวิต จุดมุ่งหมายของเกมนี้คือ ใครที่มีพลังชีวิตเริ่มต้นจาก 10 เหลือ 0 ก่อนจะเป็นฝ่ายแพ้ โดยการ์ดเกม Future Card Buddyfight มีการ์ด 4 ประเภท ได้แก่
1. Monster Card
จะมีค่าพลังโจมตีที่ใช้คำนวณในการโจมตีใส่มอนสเตอร์อีกฝ่ายหนึ่ง ค่าความเสียหายที่โจมตีใส่ผู้เล่น และค่าพลังความเสียหายที่มอนสเตอร์รับได้ก่อนที่จะถูกทำลาย เช่น 5000/3/5000 และจะมีค่า Level ของการ์ด Monster ปรากฏทีุ่มซ้ายบนของการ์ด โดยมีทั้งหมด 4 ขนาด ได้แก่ 0 – 1 – 2 – 3 โดยไม่สามารถลงการ์ด Monster พร้อมกันจนเกิน 3 และการ์ดมอนสเตอร์บางใบจะต้องมีเงื่อนไขในการลงมา เช่น จ่ายค่า Gauge หรือทิ้งการ์ดบางใบ และมีเงื่อนไขพิเศษอื่น ๆ ที่จะระบุไว้บนการ์ด
2. Spell Card
เป็นการ์ดที่มีผลต่อเกมตามที่มีการระบุไว้ในการ์ด โดยสามารถวางไว้ที่จุดใด มีความสามารถทั้งการช่วยโจมตีคู่ต่อสู้หรือปกป้องตนเอง และจะเกิดผลเพียงแค่ครั้งเดียว และต้องลงใน Drop Zone ทันที
3. Item Card
เป็นการ์ดที่เอาไว้ใช้ติดคู่กับ Flag Card มีค่าพลังโจมตีที่ใช้คำนวณในการโจมตีใส่มอนสเตอร์อีกฝ่ายหนึ่ง และค่าความเสียหายที่โจมตีใส่ผู้เล่น ปรากฏอยู่บนการ์ด ซึ่งอยู่บนตำแหน่งและมีเงื่อนไขในการนำการ์ดลงมาเช่นเดียวกับ Monster Card
4. Impact Card
เงื่อนไขของการ์ดที่ทำงานได้ตามที่ระบุไว้ในการ์ด โดยการ์ดประเภทดังกล่าวร่ายจากบนมือได้เท่านั้นใน Final Phase