เมื่อเร็วๆนี้ผมได้ไปเล่นเกมกระดานชื่อว่า I Am The Boss เกมนี้ที่บ้านเพื่อน
เป้าหมายของเกมนี้คือการมีเงินให้ได้มากกว่าผู้เล่นคนอื่นๆ โดยจะมีผู้ชนะเพียงแค่คนเดียว
ลักษณะของเกมจะทอยลูกเต๋าแล้วเดินเหมือนเกมเศรษฐีแต่ช่องที่ตกจะมีแค่ชนิดเดียวคือ โอกาสในการทำธุรกิจ
หลังจากที่คุณเดินเสร็จแล้วคุณจะมีทางเลือกให้เลือกทำได้สองอย่างคือ เลือกการ์ดความสามารถสามใบจากในกองกลาง หรือเลือกทำธุรกิจในช่องที่ตกนั้น
การ์ดความสามารถในกองกลางจะแทบไม่มีอะไรมากหลักๆคือ
1.การ์ดชื่อบุคคล(เงื่อนไขหลักในการทำธุรกิจในเกมนี้คือมีบุคคลให้ครบตามที่กำหนดในช่องนั้นก็สามารถได้เงินจากธุรกิจนั้นๆได้แล้ว)
2.การ์ดส่งบุคคลตามชื่อนั้นไปทำงานต่างประเทศ (สำหรับผู้ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินในธุรกิจนั้น สามารถใช้การ์ดนี้ขัดขวางหรือต่อรองเพื่อให้ตัวเองมีส่วนได้เงินในธุรกิจนั้น)
3.การ์ดส่งใครก็ได้ไปต่างประเทศ (เอาไว้ขัดขวางเหมือนกัน)
4.การ์ดป้องกันทุกๆการ์ดที่ส่งเข้ามาโจมตี โดยป้องกันได้หนึ่งครั้ง
5.การ์ดแย่งตำแหน่งบอส (กฏของเกมกำหนดไว้ว่าคนที่เริ่มต้นเดินธุรกิจจะเป็นผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถจัดสรรแบ่งเงินที่ได้มาจากการทำธุรกิจนั้นให้กับหุ้นส่วนที่ร่วมกันทำมาเท่านั้น ซึ่งจะเรียกผู้ที่เริ่มเดินธุรกิจว่า “บอส” หากใช้การ์ดใบนี้ตำแหน่งของบอสก็จะตกเป็นของผู้ที่ใช้การ์ด มีอำนาจในการตัดสินใจมากที่สุดว่าจะแบ่งเงินให้ใคร)
6.การ์ดซื้อตัวบุคคล (จะต้องใช้สามใบเพื่อดึงตัวบุคคลในชื่อนั้นมาเป็นของเรา ใช้เพื่อขัดขวางให้ดิลนั้นไม่สำเร็จหรือต่อรองเพื่อให้ตัวเองได้มีส่วนร่วมในดีลนั้น)
7.การ์ดญาติของบุคคล(ความสามารถใช้ได้เหมือนการ์ดชื่อบุคคล ใช้กรณีตัวบุคคลตัวจริงถูกส่งไปต่างประเทศหรือถูกซื้อตัวไป เราสามารถใช้การ์ดญาติของบุคคลนั้นมาทำธุรกิจแทนได้)
กฏอื่นๆ
-เงินในเกมนี้ได้รับมาแล้วไม่สามารถนำมาใช้อะไรต่อได้ นำมาใช้ได้แค่นับเป็นแต้มตอนท้ายเกมเท่านั้น
-บอสสามารถยกเลิกหรือกลับคำพูดได้ตลอด เพราะเป็นคนที่มีสิทธิแบ่งเงินในตอนที่ทำธุรกิจสำเร็จ แต่การโกหก หรือขี้โกงก็มีต้นทุนของมัน เพราะอาจจะไม่มีคนร่วมทำงานกับคุณในภายหลัง
-ไม่ว่าจะมีความสัมพันธ์ที่ดีมากขนาดไหน มีคอนเน็คชั่นที่ดีขนาดไหน แต่สุดท้ายผู้ที่จะชนะเกมคือคนที่มีเงินมากที่สุดแต่เพียงผู้เดียว นี่คือเป้าหมายของเกมนี้ ดังนั้นเกมนี้จะไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวร แต่จะเปลี่ยนกลยุทธสู้กันตามสถานการณ์เพื่อสร้างข้อต่อรองให้ตัวเองมีเงินมากเป็นที่หนึ่ง หรือไม่ก็ช่วยกันขัดขวางคนที่มีเงินเยอะที่สุด
-เกมนี้จะจบก็ต่อเมื่อดิลธุรกิจเริ่มปิดหมด หรือไม่ก็จับได้การ์ดทอยลูกเต๋าให้ได้เลขที่กำหนดไว้เพื่อจบเกม(การ์ดนี้จะออกมาประมาณจบดิลธุรกิจไปประมาณ 6-7ครั้ง)
-การ์ดในมือจะเก็บได้แค่12ใบเท่านั้นหากเกินก็ต้องเลือกทิ้งไป
หลังจากตัดสินใจเริ่มทำธุรกิจผู้ที่เริ่มจะได้เป็นบอส ก็เลือกหาผู้ที่จะมาเป็นหุ้นส่วน หรือตัดสินใจทำคนเดียวก็ได้ หากมีการ์ดบุคคลครบตามที่เกมกำหนด และไม่มีใครขัดขวางก็จะได้เงินไป
แต่เกมนี้สนุกก็ตอนขัดขวางกันนี่แหล่ะครับ เพราะในตอนที่เปิดให้ขัดขวางจะเจรจากันอย่างไรก็ได้ ต่อรองกันอย่างไรก็ได้ บางครั้งไม่จำเป็นต้องลงทุนลงแรงอะไรใช้การ์ดแม้แต่ใบเดียวก็สามารถทำเงินได้ โดยใช้แค่
ปาก(ในชีวิตจริงใช้แค่ปากก็ทำเงินได้จริงๆ) และสุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเจรจากันมายังไง บอสก็สามารถกลับคำพูดตัวเองได้ตลอด และหุ้นส่วนคนอื่นก็ไม่สามารถขอเงินวางมัดจำมาก่อนได้ ต้องเชื่อใจอย่างเดียว
ลักษณะของคำพูดที่ใช้ต่อรองกันในเกม
“ตอนนี้นายเอมีเงินมากที่สุดในเกมนะ หากปล่อยดิลนี้ให้เค้าเราทั้งคู่ก็จะแพ้นะ มาดีลกับผมดีกว่า”
“หากมาดีลกับผมยอมเอาแค่ 5%พอ น้อยกว่าเค้าที่เอา10%”
“ในมือผมมีการ์ดส่งคุณไปดูงานต่างประเทศอยู่ ให้ผมมีส่วนร่วมด้วยแล้วจะไม่ใช้การ์ดใบนี้ ขอแค่10%ก็ได้”
“ผมขอเพิ่มขึ้นอีก20%ก็แล้วกัน ใช้การ์ดไปตั้งหลายใบกว่าดิลนี้จะสำเร็จ”
“ทำกับผมดีกว่าผมมีการ์ดป้องกันเยอะ จะมีคนมาขัดขวางคุณก็ทำได้ยาก”
“เชื่อใจผมได้ผมไม่เคยโกหก เห็นอย่างดีลที่แล้วใช่มั้ยล่ะ ผมก็ตอบแทนให้ทุกคนอย่างเหมาะสมตามน้ำพักน้ำแรง”
“ขอผมร่วมด้วยแล้วกัน ไหนๆดีลที่แล้วก็ช่วยกันไว้เยอะ”
“หุ้นส่วนยิ่งเยอะเงินที่ได้ก็ยิ่งน้อย ผมจะเลือกหุ้นส่วนที่เอาเงินน้อยที่สุด
นี่ยังเป็นแค่ตัวอย่างที่ต่อรองกันอย่างมีเหตุผลเพื่อชัยชนะ แต่หากเล่นกันมากขึ้นก็ย่อมมีการเจรจาที่ไม่มีเหตุผลเกิดขึ้นอีกมามายแน่นอน
ในการต่อรองขัดขวาง แน่นอนคุณค่าของการ์ดก็สำคัญ หากใช้การ์ดที่มีประโยชน์มากๆอย่าง การ์ดแย่งตำแหน่งบอสแต่ได้ส่วนแบ่งมาไม่ถึง10%ก็เหมือนกับเสียการ์ดฟรี (เพราะนี้การเป็นบอสมีสิทธิแบ่งเงินได้ ถือว่ามีอำนาจต่อรองที่สุด) แต่การหาน้ำหนักของอำนาจต่อรองในมือก็เป็นเรื่องที่ยากอยู่
หากฝึกเล่นเกมนี้เพื่อสร้างความคิดสร้างสรรค์ในการต่อรองเพื่อธุรกิจอย่างมีเหตุผลก็จะมีประโยชน์มากนัก
คนบางคนไม่สามารถสร้างเงื่อนไขที่มีประโยชน์ให้กับทุกฝ่ายได้ คนบางคนไม่สามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้เพราะไม่เข้าใจศาสตร์แห่งการตกลงกันอย่างมีเหตุผล วินวินกันทุกฝ่าย คนบางคนไม่สามรถอธิบายเหตุผลให้
กับลูกค้าได้ถึงความคุ้มค่าของข้อเสนอ คนบางคนเลือกที่จะตัดสินใจตามความรู้สึกของคนอื่นจึงได้ข้อเสนอที่ไม่ยุติธรรมมา
เราจะไม่ใช่จะต่อรองกันด้วยความผูกผันหรือความรู้สึก แต่ต่อรองกันด้วยผลประโยชน์อย่างเดียว
หลายครั้งเข้าใจว่าการแบ่งผลประโยชน์ต้องเท่าเทียมกันแต่ในความเป็นจริงแล้วจะแบ่งกันตามอำนาจต่อรองที่มีอยู่
หากคุณใช้หลักเหตุและผลในการตัดสินใจเรื่องผลประโยชน์โดยไม่เอาความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้องจะช่วยตัดสินใจได้ดีขึ้นมาก
ผมคิดว่าเกมนี้ช่วยคุณฝึกให้คุณเข้าใจสิ่งเหล่านี้ได้
จริงอยู่ว่าเนื้อหาเกมอาจจะฟังดูชั่วร้ายเพราะเกี่ยวกับเรื่องทำทุกอย่างเพื่อเงิน สร้างโอกาสที่จะโกหกกัน มุ่งหาแต่ผลประโยชน์ ไม่สร้างสรรค์การทำความดี
แต่หากเข้าใจกลไกของสิ่งเหล่านี้เราก็จะไม่ตกเป็นเหยื่อของการต่อรองที่ไม่ดี และมันสำคัญนักในชีวิตจริง
ข้อคิดในเกมจะมีทั้งด้านดีและลบอยู่ที่คุณจะเลือกใช้